เชียงดาวในเดือนกุมภาพันธ์สงบเงียบ แต่เก็บงำความโกลาหลไว้อย่างเป็นระบบ สรรพสิ่งต่างทำหน้าที่ของตนอย่างเงียบๆ ทั้งเกื้อกูลและต่างทำลายกัน
ทุกช่วงชั้นของทุกระดับความสูงบนภูเขา ต้นไม้กำลังทำงาน กักเก็บและคายน้ำหล่อเลี้ยงป่าและคน ไม่ต่างจากผู้คนที่แวดล้อมดอยหลวงเชียงดาว
.
‘WEVO สื่ออาสา’ สัมภาษณ์ นิคม พุทธา เกี่ยวกับสถานการณ์ไฟป่าและปัญหาหมอกควัน ทั้งที่เกิดขึ้นบนภูมิประเทศที่ปรากฎบนแผนที่โลกอย่างเป็นรูปธรรม และที่คละคลุ้งไปทั่วภูมิศาสตร์ภายใน ซึ่งเป็นเรื่องนามธรรม
.

.
ช่วงเวลาที่เรานั่งคุยกันนี้คือเดือนกุมภาพันธ์ อยากให้คุณช่วยเล่าถึงเชียงดาวในช่วงนี้ครับ ชาวเชียงดาวกำลังเตรียมเนื้อเตรียมตัวรับมือกับฤดูไฟป่าและหมอกควันอย่างไร
.
มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน คือ 4 เดือนที่เป็นเหมือนไฮซีซันของฤดูไฟป่า ซึ่งโดยปกติฝนจะตกเดือนเมษายนของทุกปี เมื่อใดที่ฝนเดือนเมษามาเยือน ก็แปลว่าจบฤดูกาลไฟป่า
.
หลายหมู่บ้านจะเริ่มทำแนวกันไฟในเดือนมกรา-กุมภา เริ่มเฝ้าระวัง ออกลาดตระเวน จัดยามเฝ้าในจุดที่สุ่มเสี่ยงรวมถึงจุดที่เปราะบางต่อปัญหาไฟป่า ถ้าไฟไหม้ก็ช่วยกันดับ สรุปแล้วก็มี 3 ขั้นตอน 1.ทำแนวกันไฟ 2.ออกตรวจลาดตระเวนเฝ้าระวัง และ 3.ดับไฟเมื่อเกิดเหตุ
.
ในปีนี้หน่วยงานประกาศห้ามเผาเป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 เมษายน แต่ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ กำนันและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองวางแผนการเผาในพื้นที่ ใครประสงค์ที่จะเผาวัชพืชการเกษตรก็ทำเรื่องแจ้งฝ่ายปกครอง เพื่อที่จะลดความกดดันของชาวบ้าน เพราะชาวบ้านต้องการเผาหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต
.
แต่บังเอิญว่าในปีนี้ ฝนตกหนักตั้งแต่กลางเดือนมกราคม แล้วฝนก็ตกหนักอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาฝนก็ตกลงมาอีก ซึ่งทำให้ปัญหาหมอกควันเบาบางลงไป จนกระทั่งวันนี้ป่ายังมีสภาพความชื้น ซึ่งเป็นผลดีต่อปัญหาไฟป่า แต่ไม่ใช่เรื่องดีในระบบนิเวศ
.

.
ความร้อนแรงของแสงแดดฤดูแล้งจะทำให้เมล็ดพันธุ์ไม้สุกและแก่เร็ว แห้งและปลิดตกได้ดี เมื่อพายุฤดูแล้งพัดผ่านเข้ามาอย่างรุนแรงก็ทำให้เมล็ดพันธุ์ปลิวไปได้ไกล เมื่อพายุฤดูฝนมาถึงก็ทำให้เมล็ดพันธุ์งอกเงย ซึ่งผมเรียกรวมๆ ว่ากระบวนการทางระบบนิเวศ
.
พอฝนตกช่วงต้นปีแบบนี้ ย่อมส่งผลดีต่อปัญหาไฟป่า แต่ระบบนิเวศสูญเสียการกระจายเมล็ดพันธุ์ เขาเรียกว่าการทดแทนของธรรมชาติ ในทุกปีจะต้องมีไม้ใหญ่ล้มลง ลูกหลานของต้นไม้ก็จะงอกเงยขึ้นมาทดแทน กระบวนการนี้เป็นความยั่งยืนของผืนป่า ฉะนั้นความยั่งยืนของผืนป่าไม่ได้อยู่ที่ว่า ฝนตกแล้วไฟไม่ไหม้ เราต้องเข้าใจกระบวนการทางธรรมชาติ
.
ในแต่ละเช้า หลังจากตื่นขึ้นมา คุณต้องสำรวจคุณภาพอากาศในแอปพลิเคชันไหม
.
ผมเป็นคนรุ่นเก่า ไม่ถนัดเทคโนโลยีเลย แต่ก็มีกลุ่มไลน์หมู่บ้านต่างๆ เดี๋ยวนี้ทุกหมู่บ้านจะมีไลน์กลุ่ม ก็จะดูข่าวชาวบ้าน ก็สารพัดข่าวนะ ช่วงนี้โควิดเยอะ ก็จะเป็นข่าวปิดหมู่บ้าน แต่ถ้าถึงฤดูไฟก็จะดูว่าหมู่บ้านไหนทำแนวกัน
.
เมื่อก่อนผมได้รับเงินบริจาคพอสมควร ผมจะสั่งข้าวห่อ น้ำดื่ม ขับรถไปหมู่บ้านนั้นๆ เอาข้าวเอาน้ำไปให้พวกเขา พูดคุยกับเขาบ้าง เอาเครื่องดื่มชูกำลังไปให้ ชาวบ้านชอบ แต่ผมไม่ชอบนะ เพราะเขาทิ้งขวด หยูกยารักษาโรค ยาหม่อง ยาแผลสด ยาแก้ปวดเมื่อย แต่ชาวบ้านชอบยาหม่องที่สุด เพราะทาได้ทั้งแผลสดและแก้ปวดเมื่อย แมลงสัตว์กัดต่อย หน้ามืดตาลาย บางคนพูดทีเล่นทีจริงว่า ป้องกันได้ถึงขั้นเมียด่า
.
ที่ผ่านมาผมก็สังเกตเห็นชาวบ้านใส่กางเกงขาสั้นมาดับไฟ ก็เลยขอรับบริจาค ขอเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว รองเท้าที่ไม่ได้ใช้ ก็ได้รับบริจาคมาเยอะ มีคนบริจาคเสื้อแขนยาว กางเกงยีน รองเท้าเซฟตี้ รองเท้าผ้าใบ ก็นำไปแจกชาวบ้าน ตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นมา คนก็บริจาคสิ่งเหล่านี้เข้ามาเรื่อยๆ
.
ในปี 2562 คุณให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าชาวบ้านไม่ได้มองว่าไฟป่าและหมอกควันเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องตระหนักจริงจัง หลังจากปี 2562 ทัศนคติเหล่านี้เปลี่ยนไปอย่างไรบ้างครับ
.
มันก็ไม่สามารถพูดเหมารวมได้นะว่าชาวบ้านคิดแบบนั้นทุกคน แต่กลุ่มที่เผาป่ามี 3-4 กลุ่ม กลุ่มปลูกข้าวโพด, กลุ่มที่ทำเกษตร แม้ไม่ได้ปลูกข้าวโพดแต่ทำไร่ทำสวนติดกับพื้นที่ป่า, กลุ่มที่เลี้ยงวัวในป่า และกลุ่มเก็บของป่า แต่ก็มี Myth อยู่บ้างว่า หมู่บ้านเผาเอางบประมาณ เพราะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า หมู่บ้านไหนมีสถิติว่าไฟป่าเยอะก็จะได้รับงบช่วยเหลือจากหน่วยงานฝ่ายปกครอง เขาลือกันถึงขนาดว่า บ้านไหนไฟไม่ไหม้ก็จะไม่ได้รับงบประมาณ แต่บางทีก็พูดกันมั่วๆ นะครับ แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่เผาเพื่อเอางบประมาณ แต่ผมไม่อยากไปใส่ใจในเรื่องราวแบบนั้น มันไม่ใช่เนื่อหาสาระที่เราโฟกัส เราก็โฟกัสที่สถานการณ์ไฟป่าเพื่อหยุดยั้งมัน และศึกษาหาสาเหตุ อะไรเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดไฟป่า และเราจะแก้ปัญหาให้ยั่งยืนได้อย่างไร
.

.
อย่าลืมนะครับว่า ไฟป่าเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นได้โดยทั่วไป แต่หากไฟป่าเกิดที่ดอย 3 แห่งจะเป็นเรื่องใหญ่ ประกอบด้วย ดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพ-ปุย และดอยหลวงเชียงดาว เพราะบนยอดดอยเป็นโครงสร้างของสังคมพืชเรียกว่าป่าดิบเขา บางคนเรียกป่าเมฆ ทำหน้าที่กักเก็บน้ำ เป็นพื้นที่เปราะบางตรงที่ว่าถ้าเกิดไฟป่า มันต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูยาวนาน
.
พูดแบบนี้ได้มั้ยครับ ฝนที่ตกมาตั้งแต่ต้นปีก็ทำให้แนวโน้มของสถานการณ์เฉพาะหน้าของปีนี้ไม่น่าจะรุนแรงมาก แต่ปัญหาที่แท้ ปัญหาที่เป็นรากของไฟกับฝุ่น ยังไม่ถูกแก้
.
เราไม่ได้ปฏิเสธว่าการบังคับใช้กฎหมายเป็นแนวทางที่ใช้ไม่ได้นะครับ หรือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ไม่ดีนะครับ แต่ต้องใช้ให้ถูกที่ถูกทาง ผมอยากให้เจ้าหน้าที่ใช้หลักความรู้ผสมผสานกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตามความเป็นจริง
.
ข้อเสนอของผมก็คือทำโซนนิ่งครับ ตรงไหนที่คุณผ่อนผันให้ปลูกข้าวโพดได้ ก็ปล่อยให้ชาวบ้านปลูก แต่ตรงไหนเป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติที่ต้องรักษาไว้ เช่นเป็นพื้นที่ลาดชัน เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ เป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ป่าหายาก เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางระบบนิเวศ เป็นพื้นที่ที่มีความเปราะบางทางระบบนิเวศ ตรงนี้ต้องกันไว้เลยว่าห้ามปลูกข้าวโพดนะครับ อันนี้ใช้ข้อกฎหมายเข้าไปบังคับใช้ได้เลย ใครฝ่าฝืนก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับทางกฎหมาย ซึ่งก่อนที่จะใช้ข้อบังคับทางกฎหมายคุณก็ต้องเข้าไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านว่าพื้นที่ตรงที่ทำโซนนิ่งสำคัญอย่างไร ขอความเห็นอกเห็นใจ ขอความร่วมไม้ร่วมมือกัน
.

.
ประเทศไทยของเราไม่ฉลาดใช้ทรัพยากร เราปล่อยให้มีการปลูกพืชอาหารสัตว์ในพื้นที่ป่าต้นน้ำได้อย่างไร เพราะพื้นที่ป่าต้นน้ำมีความสำคัญทางระบบนิเวศ มีความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นป่าต้นน้ำลำธาร แต่เรากลับปล่อยปละละเลยให้มีการใช้พื้นที่ตรงนี้ปลูกพืชอาหารสัตว์ ซึ่งมันน่าจะปลูกตรงไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปถางป่าบนภูเขาสูงเพื่อปลูกพืชอาหารสัตว์
.
คุณทำโซนนิ่งได้มั้ย ไม่อย่างนั้นมันก็จะสูญเสียพื้นที่ไปอย่างไม่สมเหตุสมผล ในการจัดการปัญหานี้ เราต้องอาศัยความรู้สหวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นนิเวศวิทยา เศรษฐกิจ การเกษตร กฎหมาย วิทยาศาสตร์ การแพทย์ สิ่งแวดล้อม เพราะมันล้วนเกี่ยวข้องโยงใยถึงกัน
.
แม้กระทั่งเรื่องการซื้อขายที่ดินก็เกี่ยวข้องนะ เพราะชาวบ้านจะไปซื้อที่ดินราคาไร่ละล้านเพื่อปลูกข้าวโพดก็ฟังดูเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุผลอย่างยิ่ง หมายความว่าที่ดินที่อยู่อาศัยหรือแม้แต่ที่ดินการเกษตรในบางพื้นที่ถูกปั่นราคาให้แพงเสียจนไม่สามารถเอามาปลูกข้าวโพดได้ ฉะนั้นถ้าจะให้ต้นทุนการปลูกต่ำลงก็ต้องตัดต้นทุนเรื่องที่ดิน ก็ต้องไปบุกรุกถางป่า ซึ่งการปั่นราคาที่ดินสัมพันธ์กันกับการบุกรุกป่า ที่ดินที่เป็นทุ่งนาในเชียงดาวตอนนี้ได้รับความนิยมจากกลุ่มทุน ก็ทำให้ราคาที่ดินพุ่งขึ้นไปเป็นไร่ละสองล้าน ซึ่งที่ดินนั้นก็ปลูกข้าวไม่ได้แล้ว
.
มันเกี่ยวข้องกันหมด ไม่ว่าจะเกิดปัญหาใด ความแล้ง น้ำท่วม ไฟป่า ฝุ่นควัน มันส่งผลกระทบมาที่ตัวเราทั้งสิ้น ไฟป่าก็กระทบกับโรคทางเดินทางหายใจ เราต้องสูดเอาฝุ่นเข้าปอดอย่างน้อยก็ 4 เดือนต่อปี ปรากฎการณ์นี้ก็เกิดและดำรงอยู่มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว
.
เชียงดาวในฐานะเมืองท่องเที่ยวเป็นอย่างไรบ้างครับในฤดูกาลไฟและฝุ่นแบบนี้
.
ในสมัยที่ไฟป่าและฝุ่นควันยังไม่รุนแรง การท่องเที่ยวจะเริ่มต้นที่เทศกาลลอยกระทง ก่อนจะสิ้นสุดที่เทศกาลสงกรานต์ สมัยก่อนคนยึดถือประเพณีเนาะ สมัยนี้ก็ยึดเอากระแสการท่องเที่ยวเป็นหลัก เช่น โฆษณาการท่องเที่ยว แคมเปญการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น Chiang Dao In November โฆษณาว่าเชียงดาวจะโรแมนติกที่สุดเดือนพฤศจิกายน คนก็อยากมาเห็นเพราะช่วงปลายฝนต้นหนาวของเชียงดาวมันก็สวยจริงๆ พอหมดฝนเข้าหนาว ป่ามันก็เขียว ฟ้าใส น้ำเยอะ เที่ยวน้ำตกก็งาม ดอกไม้ก็สวย อากาศเย็นสบาย นอนห่มผ้า
.

.
แต่ตอนนี้การท่องเที่ยวสิ้นสุดที่มกราคม เพราะในช่วงกุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน ถ้าฝนไม่ตกฝุ่นควันจะรุนแรง ในช่วงสามเดือนนี้ฝุ่นจะรุนแรง ก็ทำให้คนขาดรายได้ บริการที่พัก อาหาร การขนส่ง งานนวด งานซักผ้า ขายของที่ระลึก ขายของในตลาด อาชีพที่เกาะเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ยิ่งพอมาเจอโควิด-19 ก็พูดได้เลยว่าปิดฝาโลง
.
ปี 2562 เชียงดาวเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ คุณพูดถึงปัญหานี้ทุกปี ปีนี้อยากพูดถึงปัญหานี้ในแง่มุมไหน
.
มันต้องแก้ทั้งไฟนอกและไฟใน
.
ไฟในก็คือเราต้องเมตตาและเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน มีความอะลุ่มอล่วย ยอมรับกัน อย่าใช้อำนาจข่มเหงรังแกกันเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2562 ปีนั้นมีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคนหนึ่งชอบใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงรังแกชาวบ้าน พวกนี้นิยมอำนาจ หวังเจริญเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานด้วยการจับกุมชาวบ้านให้มียอดการจับกุม จับกุมชาวบ้านบ้าง จับกุมรีสอร์ทบุกรุกป่า จับกุมผู้ต้องหาลักของป่า ตัวชี้วัดของความเจริญเติบโตในหน้าที่การงานคือจำนวนคดี ปีนี้จับได้กี่คดี ระบบราชการยังใช้ตัวชี้วัดแบบนี้ ใครมีคดีมากๆ ก็หมายความว่าทำงานเก่ง แต่งานมวลชน งานที่ทำความเข้าใจชาวบ้าน วิถีชีวิตที่เป็นสภาพข้อเท็จจริงของพื้นที่กลับไม่มีตัวชี้วัด อธิบดีกรมอุทยานฯ คนที่ผ่านมาก็เป็นพวกแรก เป็นพวกหัวเก่า ผมก็พูดแซวๆ นะว่า ถึงแม้จะแต่งเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ลายพราง ถืออาวุธสงคราม ก็อย่าให้มองเห็นชาวบ้านเป็นศัตรู เพราะเมื่อคุณถอดเครื่องแบบออก คุณก็เป็นคนเหมือนกันกับชาวบ้าน เจ้าหน้าที่บางคนเป็นชาวบ้านด้วยซ้ำไป แต่พอสวมเครื่องแบบกลับเป็นคนละคน
.

.
การปฏิบัติต่อชาวบ้านอย่างรุนแรง การปฏิบัติงานด้วยทัศนคติที่มองว่าชาวบ้านเป็นศัตรู เป็นผู้บุกรุกตัดไม้ทำลายป่า ได้ไปสร้างความเจ็บปวดและเจ็บแค้นใจให้ชาวบ้าน นี่แหละคือการจุดไฟภายใน แล้วทีนี้ไฟภายในมันได้ลุกลามออกมาภายนอก ปี 2562 เป็นปรากฎการณ์ที่ชัดเจนครับ
.
ปีนั้นเป็นปีที่ดอยหลวงเสียหายหนัก ความเสียหายทางระบบนิเวศประเมินค่าไม่ได้ ไม่มีใครหน้าไหนมาประเมินความเสียหายทางะบบนิเวศ ความสูญเสียศักยภาพในการกักเก็บน้ำ พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ที่หนีตาย ดีที่ว่าธรรมชาติเยียวยากันและกัน โอบอุ้มดูแลรักษากันได้ ปีสองปีมันก็ฟื้นกลับคืนมา
.
เพราะฉะนั้น ถ้าเจ้าหน้าที่จะแก้ปัญหาไฟป่าก็ต้องปรับเปลี่ยนท่าที วิธีคิด มุมมอง การปฏิบัติต่อชาวบ้าน เราต้องเข้าใจว่าการอยู่รอดของผืนป่า เจ้าหน้าที่ กลไกรัฐ ตัวบทกฎหมายอาจจะมีบทบาท 60 เปอร์เซ็นต์ ความอยู่รอดของผืนป่าอีก 40 เปอร์เซ็นต์ขึ้นอยู่กับชาวบ้าน
.
เจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนท่าทีมาเป็นผู้สนับสนุนชาวบ้านสิครับ ให้เขามีอยู่มีกิน ให้เขามีความสามารถในการดูแลรักษาป่าตามจารีตประเพณี ซึ่งเครื่องมือในการรักษาป่า ไม่ใช่กฎหมายหรือปากกระบอกปืนอย่างเดียว แต่มันยังรวมถึงความเชื่อ การเคารพป่า จารีตประเพณี เขามองว่าผืนป่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
.
ผมเคยเป็นมาก่อน ผมเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 4-5 ปี ผมเคยแต่งชุดลายพราง ถือปืนอาก้า เอ็ม-16 ไล่จับกุมชาวบ้าน ผมเคยซ้อมผู้ต้องหา ผมเคยอยู่ในวงจรแบบนี้มาก่อน
.
ตอนที่คุณเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เขาใหญ่ คุณไม่ได้มีระบบความคิดเช่นทุกวันนี้ที่มองว่าคนกับป่าพึ่งพาอาศัยกัน คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้ ช่วยเล่าถึงตัวตนและมุมมองของนิคม พุทธา ในวันนั้นได้มั้ยครับ
.
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่ามันช่างเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายมาก ตอนนั้นผมอายุ 20 กว่าๆ ก็ตามๆ เขาไป
.

.
ผมเรียนรัฐศาสตร์ ที่รามคำแหง และเป็นลูกจ้างที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นเจ้าหน้าที่ปลายแถว เริ่มแรกเดิมทีผมเรียนหนังสือที่รามคำแหง ผมต้องทำงานหาเงินไปด้วยเรียนไปด้วยเพราะเรามาจากครอบครัวที่ยากจน จับพลัดจับผลูไปเขาใหญ่ยังไงไม่ทราบ ก็ได้ไปเที่ยวเขาใหญ่ แล้วชอบ ก็อยู่ต่อ เราเบื่อกรุงเทพฯ เพราะเราต้องพึ่งพาอาศัยเพื่อน เราไม่สามารถไปหาเช่าที่พักอาศัยเองได้เลย เพราะยากจน
.
ก่อนนั้นไปสมัครเป็นคนงานก่อสร้างพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไปเป็นยาม ก็ได้ใส่เครื่องแบบสีกากี ถือปืนลูกซอง เฝ้าหน้าป้อมยาม แต่ยิงปืนไม่เป็นนะ ต่อมาก็ถูกส่งไปอบรมหลักสูตรพนักงานพิทักษ์ป่า ในทางทฤษฎีเรียนกฎหมาย เรียนกฎหมายอุทยานแห่งชาติ เขียนบันทึกการจับกุม เรียนรู้คุณค่าและความสำคัญของสัตว์ป่า ภาคปฏิบัติก็ไปฝึกวิชาทหาร ฝึกการใช้อาวุธปืน การเอาตัวรอดในป่า
.
จากนั้นผมเป็นเจ้าหน้าที่สายตรวจฝ่ายปราบปราม ผมอายุ 23 ปี เนื่องจากว่าเราเป็นคนชอบงานแบบนี้ หัวหน้าก็ไว้วางใจ เขามักจะให้ผมขับรถและเขียนบันทึกการจับกุม หลายครั้งที่เรารู้สึกว่าการปฏิบัติงานของเราไปเอารัดเอาเปรียบชาวบ้าน
.
แต่ก็มีหลายส่วนประกอบการตัดสินใจ เราไม่ได้อยากมีชีวิตแบบนั้น เรามองไปที่เจ้าหน้าที่ที่แก่ชรา พิทักษ์ป่ามาทั้งชีวิต แต่ก็เป็นลุงขี้เมาในตอนแก่ เราจับกุมผู้ต้องหาได้ แต่ไม่ส่งตัวผู้ต้องหา เราส่งของกลางไม่ครบจำนวนที่จับกุมได้ จนฟางเส้นสุดท้ายก็เกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่ง
.
เขาใหญ่จะมีพื้นที่ครอบคลุม 4 จังหวัด เราเป็นสายตรวจส่วนกลาง ก็จะได้ไปรอบทั้ง 4 จังหวัด วันนั้นเราจับกุมผู้ต้องหาที่ลักลอบตัดไม้หอมที่อำเภอประจันตคาม นายทุนจะให้เงินชาวบ้าน ชาวบ้านก็ซื้ออาวุธ ขนเสบียงอาหารเข้าไปอยู่ในป่า เพื่อหาไม้หอมเป็นเดือนๆ เลยนะ เขาจะเอามาสกัดส่งขายตะวันออกกลาง ราคาแพงมาก แต่ตอนนี้ไม้หอมถูกถอนออกจากบัญชีไม้หวงห้าม สามารถปลูกเป็นไม้เศรษฐกิจได้แล้ว แต่ตอนนั้นเราไปจับโรงงานไม้หอม ก็จับได้ ของกลางทั้งนั้น พอบันทึกมาก็ปล่อยผู้ต้องหา ของกลางก็เอามาจำนวนหนึ่ง ไม่เอามาทั้งหมด ปล่อยผู้ต้องหาที่สน.ประจันตคาม
.

.
คืนนั้นจำได้ว่าผมนอนพิงกระบะท้าย ท้องฟ้าเงียบสงบ ดวงดาวไหลไปตามรถที่เเล่นไปข้างหน้า จู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่าไปดีกว่า กลับมาถึงที่พัก เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ไปลากับหัวหน้า
.
หลายปัจจัยประกอบกัน เราอยากเรียนหนังสือให้จบด้วย คิดถึงบ้านด้วย เราจะกลับบ้านทั้งๆ ที่เรียนไม่จบ มันก็ไม่ดี พ่อแม่ผมมีลูกหลายคน มีผมคนเดียวที่ได้เรียนหนังสือ ถ้าเรียนไม่จบก็แย่
.
แล้วเรียนจบมั้ย
.
ไม่จบ (หัวเราะ) ผมอุตส่าห์เรียนรัฐศาสตร์ เราอ่านหนังสือปุลากง (นวนิยายโดยโสภาค สุวรรณ) เราอยากเป็นปลัด ก็เลือกเรียนรัฐศาสตร์ แต่ผมรู้สึกว่าผมเรียนจบวิชาชีวิตวิชาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เขาใหญ่ในช่วงเวลา 4 ปีกว่า ได้รู้จักป่ารู้จักงานอนุรักษ์เหมือนเรียนจบวนศาสตร์เลยแหละ หลังจากนั้นผมก็ได้ใช้ประสบการณ์ความรู้ที่ได้มาจากเขาใหญ่ทำงานเอ็นจีโอมา 20 กว่าปี จนกระทั่งมาแตกหักตอนคัดค้านไนท์ซาฟารี
.
ประธานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าที่ผมทำงานตอนนั้นไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสวนสัตว์ เราก็ขอร้องให้เขาลาออกจากการเป็นประธานมูลนิธิ ถ้าจะทำธุรกิจสัตว์ป่า คุณทำได้ แต่ต้องลาออกจากองค์กรนี้ แต่เขาไม่ออก กลับใช้อำนาจของการเป็นผู้บริหารทำให้พวกเรา 30 กว่าคน ตกงานหมดเลย
.
ปี 2550 ผมซมซานกลับบ้าน มีลูก 2 คน ดีที่ภรรยาเป็นข้าราชการ ผมก็มาตั้งองค์กรของตัวเอง ส่งเสริมชาวบ้านให้พวกเขาจัดการป่าชุมชน ทำด้วยความเหน็ดเหนื่อย ผู้ใหญ่บ้านตายไป 3 คน ผมสร้างอนุสาวรีย์ให้พวกเขาไว้หลังพระพุทธรูป เราไปชุมนุมร่างกฎหมายป่าชุมชน กลับมาตาย ตัวเองก็บอบช้ำ เราสูญเสียผู้คน งานไม่สำเร็จ ผมเครียด กินเหล้าเข้าป่า เกิดคำถามจะเอายังไงกับชีวิต ผมค้นหาทางที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เราไม่อยากเป็นคนเดิม เราอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่
.

.
ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน จึงคิดอยากเปลี่ยน ไม่อยากเป็นคนเดิม
.
ตอนนั้นก้าวร้าว รุนแรง มุทะลุ ดุดัน
.
แต่หนังสือที่มีอิทธิพลกับผมมี 2 เล่ม เล่มหนึ่งคือ ‘นักเดินเท้า 8,000 ไมล์’ ของสาทิศ กุมาร เขาออกเดินเท้า 8,000 ไมล์ ไปหามหาอำนาจเพื่อหยุดยั้งการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ต่อต้านการทำลายล้าง อีกเล่มคือ ‘เดินสู่อิสรภาพ’ ของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ หนังสือทั้งสองเล่มทำให้ผมอยากเรียนรู้ความหมายของการเดิน
.

.
ผมมีความตั้งใจที่จะเดินจากแม่น้ำปิงสู่แม่น้ำเจ้าพระยามาก่อนหน้านั้นแล้ว หลังจากอ่านหนังสือจบผมก็ไปปรึกษาอาจารย์ประมวล ในฐานะที่ท่านเคยเดินมาก่อน ท่านเดินจากเชียงใหม่ไปเกาะสมุย และผมเคารพท่านเป็นครูบาอาจารย์ ผมก็มีความคิดอยากเดินจากแม่น้ำปิงสู่เจ้าพระยา ผมอยากเดินทางตามสายน้ำ ผมก็ไปขอคำแนะนำจากอาจารย์ อาจารย์ประมวลก็บอกว่า “ผมไม่มีคำแนะนำอะไรให้” แต่ท่านชวนผม “ไปเดินด้วยกันมั้ยล่ะ เขากำลังจะเดินไปปัตตานี” ซึ่งตอนนั้นอาจารย์โคทม อารียา ก็ชักชวนอาจารย์ประมวลในฐานะครูการเดิน ก็ได้ไปเดินร่วมกัน
.
ตอนนั้นอาจารย์โคทมใช้คำว่าเดินสันติสู่ปัตตานี เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของมุสลิม เพื่อให้เหตุการณ์ภาคใต้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง อยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่นั่นเป็นเป้าหมายของคณะ แต่เป้าหมายของผม ผมอยากไปเรียนรู้ผ่านการเดิน
.
คุณเห็นอะไรจากการเดินในครั้งนั้น
.
ในแต่ละวัน เราออกเดินแต่เช้ามืด ตื่นมาก็ออกเดิน ไปสว่างตรงไหนก็หาอาหารกินตรงนั้น มันเห็นความมืด เห็นขอบฟ้าค่อยๆ มีแสงสว่าง ฉากหน้าเป็นท้องทะเล จากฟ้ามืดค่อยๆ เปลี่ยนสี แสงสว่างรำไร ความมืดริบหรี่ เริ่มเป็นสีทองที่ขอบฟ้า ภาพพวกนี้มีความหมายต่อชีวิตมาก ผมจึงพบว่าการเดินต่างหากที่จะก่อให้เกิดการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง เราเห็นชีวิตและสรรพสิ่ง
.
หลังจากนั้นผมก็เดินจากแม่น้ำปิงสู่เจ้าพระยา
.

.
จากแม่น้ำปิงสู่เจ้าพระยา คุณเดินด้วยเหตุผลอะไร
.
ผมอยากสื่อสารแทนแม่น้ำ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีเฟซบุ๊ค แต่ระหว่างที่เดิน เราเก็บเกี่ยวเรื่องราวระหว่างทาง และสื่อสารกับผู้คนเท่าที่เรามีโอกาส ตอนนั้นไทยพีบีเอสก็มาถ่ายทำ และจัดเวทีให้เราได้บอกเล่าเรื่องราว
.
ผมบอกเล่าว่า แม่น้ำสายนี้มีต้นกำเนิดมาจากชายแดนไทยพม่า ตอนนี้ต้นน้ำถูกทำลาย แม่น้ำจะเดินทางผ่านพื้นที่ป่าเขา แม่น้ำปิงช่วงตำบลเมืองนะมาถึงบ้านโป่งอาง ระยะทาง 20 กิโลเมตร เป็นช่วงที่ดีที่สุดของแม่น้ำปิง เพราะแม่น้ำไหลผ่านป่าตลอดเส้นทาง 20 กิโลเมตร น้ำสดใส เริงร่า มีชีวิตชีวา แสงแดดสาดส่อง มองลงไปในน้ำ เห็นกุ้งหอยปูปลา
.
แม่น้ำเดินทางผ่านพื้นที่การเกษตร ซึ่งมีการใช้สารเคมีอย่างรุนแรง ช่วงนั้นแม่น้ำเองก็ต้องพยายามปรับตัวกับสารเคมีที่ปนเปื้อน น้ำจำนวนหนึ่งถูกดึงไปใช้
.
แม่น้ำเดินทางผ่านเมือง แม่น้ำเจ็บปวด แม่น้ำผ่านเมืองไปอย่างอดทน พอพ้นเมืองไปได้แม่น้ำก็ค่อยโล่งอกหน่อย แล้วก็ผ่านเขื่อนภูมิพล ช่วงที่เราผ่านเขื่อน เราลงเรือที่ทะเลสาบดอยเต่า ค้างคืนสองคืน แล้วไปขึ้นที่สันเขื่อน เราเห็นว่าเขื่อนไม่มีน้ำ เขาจึงคิดโครงการผันน้ำแม่น้ำยวม
.
เดือนแรกเราเดินไปถึงเขื่อนภูมิพล เราเห็นว่าแม่น้ำก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มันเติบโตขึ้น มีน้ำไหลมาเติมบ้าง ถูกดึงไปใช้บ้าง ปนเปื้อนบ้าง แต่แม่น้ำก็ยังรักษาความเป็นแม่น้ำไว้ เพื่อจะทำหน้าที่หล่อเลี้ยงสรรพชีวิต จากจังหวัดตากเข้าสู่กำแพงเพชร สู่นครสวรรค์ สมัยก่อนแม่น้ำปิงดีใจนะที่ได้ไหลมาเจอกับแม่น้ำน่าน เพราะแม่น้ำน่านมีปริมาณเยอะ เพราะก่อนที่จะเป็นแม่น้ำน่านจะเป็นแม่น้ำน่าน ก็มีแม่น้ำยมไหลมารวมกับแม่น้ำน่าน แต่พอมาเจอกันตอนนี้ แม่น้ำทั้งสองสายต่างบอกเล่าความเจ็บป่วยของกันและกัน ความเจ็บปวดของแม่น้ำถูกบอกเล่าสู่กันฟังที่ปากน้ำโพ นครสวรรค์ และความเป็นตัวตนของปิง วัง ยม น่าน ได้สูญสลายหายไปกลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่
.
บทบาทของแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ใช่เหมืองฝายหล่อเลี้ยงท้องไร่ท้องนาแล้ว มันกลับเป็นที่ราบลุ่ม โครงสร้างทางกายภาพสองฟากฝั่ง การไหลของน้ำท้องร่องก็เปลี่ยนไป
.
ผมได้เรียนรู้ระบบนิเวศของแม่น้ำ เป็นระบบนิเวศที่เปราะบาง ซับซ้อน และปราศจากคนเข้าใจ สร้างคอนกรีตป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง มันก็ยิ่งทรุดนะ พอไปถึงป้อมพระจุลจอมเกล้า ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านพระประแดง พระสมุทรเจดีย์ เราอยากจะซึมซับอารมณ์ความรู้สึกที่เราเดินมาตลอด 3 เดือน ผมก็ปลีกตัวไปนอนที่วัดขุนสมุทรจีน
.
ผมกางเต๊นท์นอน มองดูเสาที่ปักลงในทะเล พระอาทิตย์ตกดิน มันเป็นภาพที่ทำให้ชีวิตเหมือนจะตกตะกอน ต่อจากนี้เราต้องมีความมั่นคงภายในเพื่อที่จะเดินต่อไป ถ้าจิตใจอ่อนแอ เราจะเดินเท้าไม่ได้ ถ้าเรามั่นคง ดูแลตัวเองได้ เราจะมีศักยภาพพอที่จะช่วยเหลือผู้อื่น เราอยากจะเกื้อกูลธรรมชาติ ใช้ชีวิตที่เหลือเกื้อกูลธรรมชาติ มันตกตะกอนบางอย่างจากการเดิน
.
ตอนที่เราไปถึงปากทะเลอ่าวไทย ความเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาก็ถูกกลืนกลายด้วยน้ำขุ่นๆ ของน้ำชายฝั่ง ในตอนที่สิ้นสุดการเดินในระยะเวลา 3 เดือน เราทำพิธีขอบคุณแม่น้ำ สรรเสริญแม่น้ำ ที่หล่อเลี้ยงผู้คนและสรรพสัตว์ พอเราหันหลังกลับไปมองน้ำอีกครั้ง เราเห็นก้อนเมฆเหนือผิวน้ำราวกับจงใจให้เรามองเห็นภาพนั้น
.

.
ที่แท้แล้วน้ำก็คือเมฆ ที่ปรับแปรสภาพเป็นอีกสภาวะหนึ่ง น้ำไม่ได้หายไปไหน มันเป็นเพียงการเดินทาง การเคลื่อนตัว แปรเปลี่ยนสภาพของธาตุดินน้ำลมไฟ มันทำให้เราเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น ก็เลยเห็นประโยชน์จากการเดิน
.
แม่น้ำทุกเส้นสายไหลจากภูเขา แม่น้ำทุกเส้นสายไหลสู่ทะเล แต่ภูเขาก็กำลังย่ำแย่ ไฟป่าและฝุ่นควันก็ซ้ำเติมผู้คนและธรรมชาติ แม่น้ำที่ไชยปราการไหลลงโขง โขงไหลลงจีนใต้ สาละวินลงอันดามัน เจ้าพระยาลงอ่าวไทย แล้วมันก็วนหากันหมด มันเป็นหนึ่งเดียวจริงๆ แต่ความหมายของสายน้ำอยู่ที่ระหว่างทาง มันหล่อเลี้ยงผู้คนมากมาย ชีวิตเราก็เหมือนกันนะ ความสำคัญของเราไม่ได้เกิดจากฐานะหรือการศึกษา จุดกำเนิดไม่สำคัญ เป้าหมายไม่ใช่เรื่องความสำเร็จ มีชื่อเสียงเงินทองแล้วตายไป แต่ความหมายอยู่ที่ว่าคุณทำอะไรบ้างระหว่างทางที่มีชีวิตอยู่ ความหมายของสายน้ำก็คือความหมายเดียวกันกับการมีชีวิต
.
เรื่อง : วีรพงษ์ สุนทรฉัตราวัฒน์
